เรียนรู้วงจรชีวิตของผีเสื้อ
วงจรชีวิตของผีเสื้อ
ผีเสื้อมีการเจริญเติบโตแบบโฮโลเมตาโบลัส (holometabolous) คือการเจริญเติบโตที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างแบบสมบูรณ์ (complete metamorphosis) แบ่งเป็น 4 ระยะด้วยกัน คือ ไข่ หนอน ดักแด้ และ ตัวเต็มวัยการเจริญเติบโตในแต่ละขั้นตอน ผีเสื้อจะมีรูปร่างที่ไม่เหมือนกันเลย ข้อดีสำหรับการเจริญเติบโตแบบนี้คือ แต่ละช่วงของวงจรชีวิตต้องการอาหารแตกต่างกัน และอาจอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน มีศัตรูต่างชนิดกัน ทำให้การเจริญเติบโตในแต่ละระยะ มีอัตราการเสี่ยงต่อการถูกทำลายน้อยลง
การวางไข่
หลังจากที่ผีเสื้อตัวเมียได้รับการผสมพันธุ์แล้วสักระยะหนึ่ง มันจะบินหาต้นพืชที่เป็นอาหารของตัวหนอนเพื่อวางไข่ โดยมันจะแตะปลายท้องในท่าที่จะวางไข่สัมผัสกับใบพืช และรู้ด้วยสัญชาตญาณพิเศษทันทีว่าใช่ใบพืชที่เป็นอาหารของตัวหนอนหรือไม่ ถ้าไม่ใช่มันก็จะบินหาต่อไป แต่ถ้าใช่มันจะยื่นส่วนท้องออกเล็กน้อย แล้วค่อยๆ วางไข่ ขณะที่วางไข่ผีเสื้อจะขับสารเหนียวๆ ออกมาด้วยเพื่อให้ไข่ยึดติดกับใบไม้
ผีเสื้อส่วนใหญ่วางไข่ไว้ใต้ใบ แต่ก็มีบางชนิดที่วางไข่ไว้บนใบ สำหรับผีเสื้อที่ตัวหนอนกินใบหญ้าเป็นอาหาร มันจะใช้วิธีบินเรี่ยๆต้นหญ้า แล้วปล่อยไข่ลงมาโดยที่มันไม่ต้องเกาะบนใบหญ้าเลย ผีเสื้อประเภทนี้จะวางไข่ครั้งละมากๆ เพราะต้องเผื่อไข่บางส่วนที่ขาดหายไป ผีเสื้อกลางคืนมักจะวางไข่เป็นกลุ่มและสลัดขนจากลำตัวของมันปกคลุมไข่ไว้
หนอนผีเสื้อ
หลังจากที่ผีเสื้อตัวเมียวางไข่แล้ว 2-3 วัน ก็เริ่มปรากฏตัวหนอนเล็กๆ ขึ้นภายในไข่ ประมาณ 5-10 วันนับจากที่เริ่มวางไข่ ตัวหนอนที่อยู่ภายในก็โตเต็มที่ มันจะใช้ปากเจาะเปลือกไข่ให้แตกและดันตัวออกมา จากนั้นจึงเริ่มกินเปลือกไข่ของตัวเองเป็นอาหารมื้อแรกทันทีที่โผล่ออกมาดูโลก ไม่มีคำยืยยันแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดหนอนผีเสื้อจึงต้องกินเปลือกไข่ตัวเอง นักวิทยาศาสตร์บางท่านสันนิฐานว่า เปลือกไข่อาจมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของหนอนผีเสื้อ หรืออาจเป็นการทำลายหลักฐาน และร่องรอยที่จะทำใหศัตรูรู้ถึงแหล่งอาศัยของมัน เหมือนกับพ่อแม่ของนกบางชนิดคาบเปลือกไข่ของลูกไปทิ้งที่อื่น หลังจากที่ตัวหนอนกัดกินเปลือกไข่จนหมดก็จะเริ่มกินใบพืชเป็นอาหารต่อไป
ระยะที่เป็นดักแด้ ผีเสื้อจะไม่กินอาหารใด ๆ เป็นเวลานานราว 7-10 วัน เป็นช่วงที่อันตรายมากอีกระยะหนึ่ง เพราะมันจะต้องอยู่นิ่ง ๆ ตลอดเวลา แต่ดักแด้ก็มีวิธีการพรางตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย เช่น มีสีเขียวเหมือนใบไม้ มีสีน้ำตาลคล้ายใบไม้แห้ง บางก็มีรูปร่างเหมือนกิ่งไม้ เป็นต้น
รูปร่างของดักแด้
รูปร่างของดักแด้ผีเสื้อแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไป การวางหรือการเกาะของดักแด้ต่าง ๆ พอจะแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ
แบบห้อยเอาหัวลงแขวนไว้กับกิ่งไม้ เช่นดักแด้ของผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหนอนใบรัก ดักแด้ของผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อขาหน้าพู่
แบบเกาะอยู่กับกิ่งไม้โดยการพันใยเกี่ยวไว้รอบลำตัว เช่นดักแด้ของผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหางติ่ง ดักแด้ของผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อหนอนกะหล่ำ
แบบวางราบตามพื้น หรืออยู่ในใบไม้ที่ม้วนกันเป็นหลอดเช่นดักแด้ของผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อบินเร็ว ดักแด้ผีเสื้อในวงศ์ผีเสื้อสีตาล
จากดักแด้สู่ผีเสื้อ
เมื่อตัวหนอนภายในดักแด้เริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่างจนโตเต็มที่ มีอวัยวะเหมือนผีเสื้อตัวเต็มวัยทุกประการแล้ว มันจะใช้ขาดันเปลือกดักแด้ให้ปริออกทางด้านหลังของส่วนอก แล้วขยับตัวออกมาจากเปลือก จากนั้นจึงค่อย ๆ คลานออกไปเกาะพักให้ปีกที่ยังยับยู่ยี่ห้อยลงทางด้านล่าง ในช่วงนี้ผีเสื้อจะขับถ่ายของเสีย(mecomium) ภายในร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างเป็นดักแด้ทิ้ง จากนั้นผีเสื้อจะทำให้ปีกที่ยับยู่ยี่คลี่ออกและแข็งแรงขึ้น โดยหายใจเอาอากาศเข้าไปในตัวให้มากที่สุดทั้งทางรูจมูกทางปากแรงดันของอากาศและการหดตัวของกล้ามเนื้อจะช่วยอัดให้เลือดไหลเวียนไปตามเส้นปีก ช่วงนี้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นมันยังต้องเกาะพักผึ่งปีกที่หมาดอยู่ต่อไปอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง ปีกจึงจะแห้งสนิท แล้วในที่สุดก็จะออกบินเป็นผีเสื้อตัวเต็มวัยสมบูรณ์พร้อมที่จะผสมพันธุ์ต่อไป
รังนกกระจาบ
รังนกกระจาบ
นักเรียนได้เรียนรู้การสร้างรังของนกกระจาบนกกระจาบจะเลือกเอาต้นไม้ใหญ่ ซึ่งมักจะอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และจะสร้างรังรวมกันเป็นกลุ่ม โดยจะเลือกกิ่งที่มีความแข็งแรง และจุดที่สร้างรังคือ ปลายกิ่งไม้ และรังของมันจะสร้างทางด้านทิศตะวันออก เพื่อรับแดดยามเช้า และไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไปในตอนบ่าย ซึ่งอุณหภูมิสูงจะเป็นอันตรายต่อไข่ได้
สิ่งมีชีวิตในทุ่งนา
สิ่งมีชีวิตในทุ่งนา
นักเรียนได้สำรวจเจอ หอยขม ปลาตัวเล็กๆ ปู เต่า ได้เห็นเมล็ดข้าวที่กำลังใกล้จะสุก
การอาศัยอยู่ของหอยขมตามธรรมชาติ หอยขมเป็นหอยฝาเดียวอาศัยในน้ำจืดมีขนาดเล็ก เปลือกเป็นเกลียวกลมยอดแหลม เปลือกหนาและแข็ง ผิวชั้นนอกเป็นสีเขียวแก่ ฝาปิดเปลือกเป็นแผ่นกลม ตีนใหญ่ จะงอยปากสั้นทู่ ตามีสีดำอยู่ตรงกลางระหว่างโคนหนวด
ปลาซิว ปลาน้ำจืดขนาดเล็กหลายชนิด เป็นปลากินพืช พวกพืชน้ำที่เกาะอยู่ตามซอกหิน ,ซอกไม้ รวมถึง ตะไคร่น้ำและสาหร่ายต่าง ๆ มีลำตัวยาว ตัวใส บางชนิดมีหนวดยาวเห็นชัดเจน บางชนิดรูปร่างอ้วนป้อม
ปูนา สามารถพบได้ตามทุ่งนา ปูนามีขา 10 ขา โดยแบ่งเป็น 8 ขาเอาไว้ใช้เดิน และอีก 2 ขาเป็นก้าม
เต่า สามารถพบได้ในทุ่งนาทั่วไป
งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2565
งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2565
นักเรียนได้เรียนรู้กิจกรรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ รอบตัวเราได้อย่างตื่นตาตื่นใจ และได้เข้าไปรู้จักกับวิทยาศาสตร์ที่จะอธิบายความเป็นไปได้ของเรื่องราวเหล่านั้นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตัวอย่างกิจกรรม
เรียนรู้ และทดลองวิทยาศาสตร์ ผ่านห้องทดลองจริง
สวมบทบาทนักวิทยาศาสตร์ และทดลองวิทยาศาสตร์ด้วยตัวเองได้ทดลอง วิทยาศาสตร์ ฝึกฝนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ฝึกการตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว ได้หยิบจับ ทดลอง และสังเกตปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและเข้าใจ “กระบวนการ”
นกตกรัง (Bird falls the nest)
เรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องแรงโน้มถ่วงและแรงเสียดทานผ่านการลงมือประดิษฐ์ของเล่นภูมิปัญญาไทย
ค้างคาวเพื่อนรัก (Bat Not Bad)
กิจกรรมการเรียนรู้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ที่มีชื่อว่า “ค้างคาว” ซึ่งออกหากินในเวลากลางคืน ค้างคาวมีความสำคัญต่อระบบนิเวศธรรมชาติมากมาย
ลองเล่นเลนส์ (Let’s zoom It)
ฝึกทักษะการสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และได้การประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์แบบพกพาด้วยตนเอง
ตัวอย่างนิทรรศการภายในงาน
นิทรรศการเทิดพระเกียรติ (Royal Pavilion),
นิทรรศการแก้วเปลี่ยนโลก (Through the Looking Glass),
นิทรรศการนวัตกรรมวันรุ่ง (Tomorrow Land),
นิทรรศการลอดช่อง ส่องถ้ำ (Cave and Karst)
และนิทรรศการวิทย์ คิด เพื่อ คุณ (Basic Science for All Exhibition)
บิงโกคำศัพท์
ประโยชน์ของการเล่นบิงโก
เพื่อฝึกสมาธิ
เพื่อฝึกทักษะประสาทสัมผัสทางการมอง
เพื่อฝึกทักษะประสาทสัมผัสทางการฟัง
เพื่อฝึกทักษะในการจำ
นักเรียนสนุกสนานไม่เครียดและสามารถเรียนรู้ได้เร็ว
ฝึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ไม้ไอติมหรรษา
ประโยชน์ของการต่อไม้ไอติม
ได้เรียนรู้เรื่องรูปทรง
แยกสีและจดจำเอกลักษ์ของรูปทรงได้
มีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ภูเขาไฟลาวา
การทดลองวิทยาศาสตร์แสนสนุก สร้างภูเขาไฟลาวา จากน้ำส้มสายชูและเบคกิ้งโซดา
การทดลองถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยฝึกทักษะการคิดให้กับเด็กปฐมวัย เพราะในธรรมชาติเด็กจะมีความอยากรู้อยากเห็น และตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ปกครองและคุณครูสามารถช่วยส่งเสริมให้เด็กได้ด้วยการหากิจกรรมทดลองวิทยาศาสตร์สนุก ๆ ให้นักเรียนได้ลองทำค่ะ
อย่างการทำกิจกรรมทดลอง ภูเขาไฟลาวา ที่นักเรียนจะได้สนุกจากการลงมือทำจริงทุกขั้นตอนด้วยตัวเองและยังช่วยกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจ ได้พัฒนาสติปัญญาและเกิดความคิดสร้างสรรค์ ทั้งนี้ การทดลองยังช่วยฝึกทักษะการสังเกตและทักษะการลงความเห็นผ่านการทดลองปฏิกิริยาทางเคมีที่น่าทึ่งอีกด้วย
วัสดุและอุปกรณ์สำหรับการทดลอง
1ดินน้ำมันหรือแป้งโด
2เบคกิ้งโซดา
3น้ำส้มสายชู
4สีน้ำหรือสีผสมอาหาร
5ขวดน้ำพลาสติก
6ปิเปตต์หรือไซริงค์ฉีดยา
7ถาดหรือจานรอง (สำหรับทำเป็นฐานของภูเขาไฟ)
8ภาชนะสำหรับผสมสีกับน้ำส้มสายชู
1. ก่อนเริ่มการทดลองให้คุณครูหรือผู้ปกครองแนะนำวัสดุและอุปกรณ์ที่จะใช้ทำการทดลอง เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจแล้วถามเด็ก ๆ ถึงการทดลองในครั้งนี้ ว่าจะทำอะไร และสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมจดบันทึกคำตอบไว้เพื่อดูพัฒนาการของเด็กในการทดลองครั้งต่อไป
2. หลังจากพูดคุยกับเด็ก ๆ แล้ว เราก็มาทำภูเขาไฟจำลองกันค่ะ โดยให้เด็ก ๆ นำขวดน้ำพลาสติกมาวางบนถาดหรือจานรอง จากนั้นใช้ดินน้ำมันแปะตามขวดน้ำให้เป็นรูปทรงของภูเขาไฟ (ให้เริ่มแปะดินน้ำมันจากฐานหรือจานรองไปถึงขอบปากขวดค่ะ) ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณครูหรือผู้ปกครองสามารถให้เด็ก ๆ ตกแต่งภูเขาไฟตามจินตนาการได้เลยค่ะ
3. หลังจากทำภูเขาไฟจำลองเสร็จแล้ว ให้เด็ก ๆ ใช้ปิเปตต์หรือไซริงค์ฉีดยาดูดสีผสมอาหารมาผสมกับน้ำส้มสายชู โดยกะปริมาณน้ำส้มสายชูให้ให้เกินครึ่งขวดน้ำที่ใช้ทำภูเขาไฟนะคะ เพราะถ้าใส่น้ำส้มสายชูน้อยเวลาที่ลาวาพุ่งออกมาจะไม่ค่อยสูงและทำให้ปริมาณของลาวาที่ไหลออกมาค่อนข้างน้อย
4. นำน้ำส้มสายชูที่ผสมกับสีผสมอาหารเสร็จแล้ว เทลงไปในภูเขาไฟจำลองที่เตรียมไว้ ทั้งนี้คุณครูหรือผู้ปกครองต้องคอยระวังไม่ให้เด็กเทน้ำสีหกด้วยนะคะ
5. แล้วก็มาถึงขั้นตอนที่ตื่นเต้นและสำคัญที่สุด นั้นคือการเทเบคกิ้งโซดาลงไปในภูเขาไฟค่ะ ซึ่งเบคกิ้งโซดาจะทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชูที่เราเทไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดควันและมีลาวาไหลออกมาจากภูเขาไฟของเรานั้นเองค่ะ ในการทดลองภูเขาไฟลาวา คุณครูหรือผู้ปกครองสามารถให้เด็กเทเบคกิ้งโซดาได้เรื่อย ๆ จนกว่าน้ำสายชูภายในภูเขาไฟจะหมดหรือส่วนผสมทั้ง 2 อย่างจะหมดปฏิกิริยาค่ะ ในการเทบางครั้งลาวาอาจไม่ได้ปะทุขึ้นมาทันที คุณครูหรือผู้ปกครองสามารถใช้โอกาสนี้ในการสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักเรียนรู้การรอคอยได้อีกด้วยค่ะ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำกิจกรรมคือ การเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นและคิดอย่างมีอิสระ ให้เด็กเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านการลงมือทำ เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง โดยคุณครูหรือผู้ปกครองมีหน้าที่คอยให้คำแนะนำกับเด็ก รวมถึงคอยดูแลความปลอดภัยของเด็กในทุกขั้นตอนด้วยนะคะ เด็ก ๆ จะได้สนุกและเรียนรู้อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาที่ดีของเด็กต่อไป
ข้อควรรู้
ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้น เป็นผลจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างเบคกิ้งโซดา(ด่าง/เบส)และน้ำส้มสายชู(กรด)ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดันตัวออกนี้เองที่ทำให้เกิดภูเขาไฟลาวาของเรานั่นเองค่ะ
ร้อยเชือกตุ๊กตา
ร้อยเชือกตุ๊กตา
กิจกรรมร้อยเชือกนอกจากจะช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก ซึ่งเหมาะสำหรับ
การเตรียมความพร้อมพื้นฐานในด้านการเขียนของนักเรียนแล้ว ยังช่วยฝึกสมาธิ ฝึกการประสานสัมพันธ์ของมือกับตาให้ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย และที่สำคัญยังสามารถนำไปประยุกต์ทำเป็นสื่อการสอนแบบ มอนเตสซอรี่
กิจกรรมสีเต้นระบำ
กิจกรรมสีเต้นระบำ
📍สิ่งที่ต้องใช้
🔬นมสด
🔭สีผสมอาหาร 2-3 สี (เเดง เขียว เหลือง)
👨🏼🔬น้ำยาล้างจาน
👩🏼🔬จานก้นลึก
🔭หลอดหยด
📌วิธีการทดลอง
1.เทนมลงในจาน วางทิ้งไว้ให้น้ำนมนิ่งๆ
2.หยดสีผสมอาหารลงไปตรงกลางจาน สีละ 1 หยด
3.หยดน้ำยาล้างจานลงไปบนสีผสมอาหาร ไม่ต้องมากนะคะ ทีละ 1 หยดหรือจะใช้ Cotton bud ชุบน้ำยาล้างจานจุ่มลงไปตรงกลางสีที่เราหยดไว้ก็ได้ค่ะ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราจะเห็นสีวิ่งวนไปมา เคลื่อนไหวไปทั่วจาน จากปฏิกริยาของน้ำยาล้างจานกับไขมัน ในน้ำนมเมื่อสีหยุดวิ่งแล้ว เราสามารถหยดน้ำยาล้างจานลงไปซ้ำได้เรื่อยๆ ค่ะ จนกว่าน้ำสีจะผสมกันจนกลายเป็นสีหม่นๆ
เกิดอะไรขึ้น??
ในน้ำนมประกอบไปด้วย น้ำ โปรตีน แร่ธาตุ และไขมัน น้ำยาล้างจานจะไปทำให้โมเลกุลของโปรตีนและไขมันเกิดการเปลี่ยนแปลง และแตกกระจาย โค้ง บิดเบี้ยว ม้วน (ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เราสามารถล้างจานมันๆ ได้อย่างสะอาดหมดจดนั่นเอง) และสีผสมอาหารที่หยดลงไปในนมจะช่วยให้เราสามารถสังเกตุการเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นนั้นได้อย่างง่ายดาย
เกมจับคู่ภาพและเงา
เกมจับคู่ภาพและเงา
ส่งเสริมการสังเกตและเปรียบเทียบจากของจริง วัสดุสิ่งของต่างๆ และรูปภาพ
ส่งเสริมการใช้ความคิดอย่างมีเหตุผล การตัดสินใจแก้ปัญหา
ส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อเล็กและการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
ส่งเสริมการเล่นร่วมกัน เป็นการสร้างสัมพันธภาพอันดีกับผู้อื่น เพราะในบรรยากาศการเล่นนั้นเป็นการฝึกฝนการยอมรับผู้อื่น และการที่ผู้อื่นยอมรับตนได้ เป็นการเรียนรู้การเข้าสังคม เด็กจะแสดงพฤติกรรมจากการสนทนาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ส่งเสริมให้เด็กมีความกล้าในการแสดงออก กล้าพูด กล้าคิด โดยครูควรมีคำถามให้คิดเกี่ยวกับภาพในเกมหรือเรื่องราวจากเกม
ส่งเสริมให้เป็นคนยอมรับการแพ้ ชนะ การทำตามกติกา
ส่งเสริมให้เด็กเกิดความเพลิดเพลิน และผ่อนคลายจากกิจกรรมอื่น เด็กจะร่าเริงแจ่มใสและมองโลกในแง่ดี
ส่งเสริมนิสัยดีให้แก่เด็ก เช่น การมีวินัยในตนเองและหมู่คณะ ความอดทนอดกลั้น ความชื่อสัตย์ การเป็นผู้นำผู้ตาม เป็นต้น
ส่งเสริมให้เด็กค้นคว้าด้วยตนเองจากสื่อการเล่นและเรียนรู้ที่จะเล่นจากวิธีการเล่น
ส่งเสริมทักษะที่ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ ทักษะการฟัง การดู การดม การชิม และการจับสัมผัส เกมการศึกษาเปิดโอกาสให้เด็กได้กระทำ ได้สำรวจ ค้นคว้า จึงเป็นประสบการณ์ตรงที่เด็กเต็มใจรับด้วยความสนุก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด
เกมสะกดคำ
เกมสะกดคำ
นักเรียนได้เรียนรู้การเรียบเรียงตัวอักษรภาษาอังกฤษ ผ่านการเล่นเกมสะกดคำและจดจำคำศัพท์นั้นๆได้
โดมิโน่รูปสัตว์
ประโยชน์ของการเล่นเกมโดมิโน่
1.หนึ่งในลักษณะของโดมิโนเป็นของเล่นคือการดําเนินงานที่เรียบง่ายและง่ายต่อการคอนโทลการเล่นเกมเบื้องต้นของเด็กสามารถเข้าสู่สถานะของเกมได้อย่างรวดเร็ว ในการดําเนินงานขั้นพื้นฐานให้วางโดมิโนแต่ละตัวให้อยู่ในตําแหน่งที่มั่นคง มีข้อกําหนดบางอย่างสําหรับการประสานงานมือตาของเด็ก ดังนั้นข้อดีของขั้นตอนการเข้าคือการออกกําลังกายมือตาประสานงานและสร้างความรู้สึกของพื้นที่
2. หลังจากการเล่นเกมพื้นฐานของโดมิโนเป็นผู้เชี่ยวชาญถ้าเด็กมีความสนใจในการเพิ่มความยากลําบากอย่างต่อเนื่องนี้จะทดสอบความเข้มข้นของเด็กและเนื่องจากอัตราความอดทนความผิดของเกมโดมิโนต่ํามากเด็กจะต้องร้ายแรงมากดังนั้นในขั้นตอนนี้ข้อได้เปรียบคือการออกกําลังกายความเข้มข้นของเด็กและพัฒนานิสัยที่ดีในการทําสิ่งต่าง ๆ อย่างจริงจัง
3.เป็นความสามารถในการทํางานของเด็กจะแข็งแกร่งและแข็งแรงจํานวนของโดมิโนที่สามารถควบคุมจะเพิ่มขึ้น และแม้กระทั่งรายการในชีวิตประจําวันที่บ้านสามารถนํามาใช้ในการเข้าร่วมเกมโดมิโนของในเวลานี้เด็กไม่พอใจกับตรรกะการพลิกง่าย ๆ อีกต่อไปความพยายามแปลกใหม่มากขึ้นเริ่มปรากฏขึ้น ทั้งสองมิติของเวลาและพื้นที่ได้กลายเป็นข้อพิจารณาสําหรับอาคารโดมิโน ประโยชน์ของขั้นตอนนี้คือการเพิ่มความสามารถของความคิดที่เป็นนวัตกรรมและปลูกฝังความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผล
4.ในทุกเกมโดมิโน มักจะมีความเสี่ยงของการพลิกบัตรของ ไม่ว่าการสูญเสียโดยไม่ตั้งใจจะใหญ่หรือเล็กความผิดพลาดแต่ละครั้งจะนําระดับความหงุดหงิดที่แตกต่างกันหรือยอมแพ้อย่างหงุดหงิดหรือกัดฟันของคุณและมีอีกอันหนึ่ง ข้อดีคือการออกกําลังกายความสามารถในการต่อต้านความหงุดหงิดของเด็ก
5.ถ้ามีเด็กคนอื่นๆที่ชอบโดมิโนรอบเด็ก, ทุกคนสามารถเล่นด้วยกันและสร้างรูปแบบบางอย่างร่วมกัน ( dominoเข้ากันได้ดีมาก) ของ ในเวลานี้เด็ก ๆ จําเป็นต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารและทํางานร่วมกันรวมถึงการวางแผนที่เรียบง่ายของโครงการขนาดเล็กดังนั้นข้อดีของขั้นตอนนี้คือการออกกําลังกายทักษะทางสังคมและทักษะขององค์กรของนักเรียน
การอ่านนิทาน
การอ่านนิทาน
นักเรียนมีความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการอ่านหนังสือและจดจำตัวหนังสือผ่านการอ่านเป็นประจำทุกวัน นิทานก่อนนอนเป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มทักษะเรื่องการพัฒนาจินตนาการให้นักเรียนได้ ทำให้นักเรียนได้มีจินตนาการ วาดภาพในหัวและมีไอเดียใหม่ๆมากขึ้น
นิทานก่อนนอนนอกจากจะทำให้นักเรียนพัฒนาตัวตนมากขึ้น ยังทำให้นักเรียนรู้สึกเข้าอกเข้าใจและเห็นใจคนอื่นมากขึ้น เขาจะนำตัวเองไปอยู่ในจุด ที่เขาแทนตัวเองเป็นตัวละคร ตัวใดตัวหนึ่งในเรื่องราวได้ เมื่อตัวละครเจอปัญหา นักเรียนสามารถนำเรื่องราวเหล่านั้น มาเปรียบเทียบกับปัญหาของตัวเองและหาวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เขาต้องเผชิญ ผ่านเรื่องเล่า
การทำแบบฝึดหัด
การทำแบบฝึกหัด
การทำแบบฝึกหัดจะเน้นที่ผู้เรียนเป็นหลัก โดยปกตินักเรียนจะชอบเรียนรู้ผ่านการอ่านหนังสือ เล่นเกมฝึกทักษะต่างๆ มากกว่าการเขียน ทั้งนี้ผู้จัดการศึกษาไม่ได้เร่งรัดหรือกดดันนักเรียนให้เร่งเขียน เพราะจะให้ทำนักเรียนไม่มีความสุขในการเรียน
เรียนภาษาอังกฤษ
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับคุณครูผ่าน Appication Zoom
เด็กๆเรียนรู้คำศัพท์และการอ่านออกเสียง Phonics หัดสะกดคำและอ่านประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ
ครอสติสคริสตัล
ครอสติสคริสตัล
งานศิลปะสามารถช่วยพัฒนาสมองซีกขวาได้เป็นอย่างดี ช่วยเสริมสร้างสมาธิและจินตนาการ ดังนั้นการทำงานศิลปะจึงเป็นการช่วยพัฒนาสมองของเราได้ ศิลปะในโลกของเรามีมากมายหลายแขนง หนึ่งในนั้นที่เราจะพูดถึงคือศิลปะภาพคลอสติสคริสตัลประโยชน์หรือข้อดีของการทำงานฝีมือภาพครอสติสคริสตัลมีดังนี้
ให้ความเพลิดเพลิน
ฝึกสมาธิ ช่วยฝึกให้คนที่มีสมาธิสั้นมีสมาธิที่ยาวนานขึ้นได้
เสริมสร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพ งานฝีมือชนิดนี้สามารถทำร่วมกันเป็นกิจกรรมในครอบครัวได้
พัฒนาด้าน EQ ส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดี
มีความสวยงามเป็นประกายระยิบระยับ
ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย ปลอดภัยต่อเด็ก
กิจกรรม : ผักกาดเปลี่ยนสี
กิจกรรม : ผักกาดเปลี่ยนสี
ผักกาดขาวที่เราเห็น หลากสีตามท้องตลาดนั้น จริง ๆ แล้วเป็นสีจริง ๆ ของผักกาดขาวหรือเป็นสีที่ปรุงแต่งขึ้น สำหรับการทดลองนี้ เราจะมาทดลองสร้างสีสัน ให้กับผักกาดขาวกัน
อุปกรณ์
1. ผักกาดขาว
2. สีผสมอาหาร (สีแดงหรือสีน้ำเงิน) 1-2 หยด
3. แก้วน้ำทรงสูงบรรจุน้ำประมาณ 3 ส่วน
วิธีการทดลอง
1. หยดสีผสมอาหารลงในแก้วที่บรรจุน้ำ
2.รินนำ้ลงในแก้วที่มีสีอยู่ ไม่ต้องใส่นำ้เยอะมากเพราะจะทำให้สีจางแล้วผสมส่ให้เข้ากัน
3. นำผักกาดขาวที่เตรียมไว้ลงในแก้วน้ำที่เราผสมสีไว้แล้ว
4. วางไว้ สังเกตสีของผักกาดขาวที่เปลี่ยนไป และสังเกตระดับของน้ำที่ลดลง จากการทดลองเมื่อ แช่ผักกาดขาวไว้ในน้ำสีไว้สักพัก จะเห็นว่าผักกาดสีขาวบริสุทธิ์ได้เปลี่ยนสีไปแล้ว และระดับน้ำก็ลดลงมาจากตำแหน่งเดิมที่เราใช้หนังยางรัดไว้ หลายคนคงสงสัยว่า สีที่ผสมอยู่ในน้ำเคลื่อนที่ขึ้นไปได้จนถึงผักกาดขาวอย่างไรกัน พืชก็เหมือนกับมนุษย์เราที่ต้องกินน้ำ กินอาหาร เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ โดยสีที่เคลื่อนที่ขึ้นไปจนทำผักกาดขาวเปลี่ยนสีนั้น แสดงให้เห็นว่ามีการลำเลียงน้ำจากในแก้วขึ้นไปตามกลีบของผักกาดขาวและระดับน้ำที่ลดลงนั้นก็เกิดจากการดูดน้ำของต้นไม้ ในพืชมีระบบลำเลียงน้ำและอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์เราที่มีระบบเลือดช่วยใน การลำเลียงน้ำและอาหารไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สำหรับระบบลำเลียงในพืชนั้นมีลักษณะเป็นหลอดเล็ก ๆ จำนวนมากมาย ทั้งท่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ ที่เรียกว่า ไซเลม (Xylem) และท่อลำเลียงอาหาร จำพวก น้ำตาล และกรดอะมิโน ที่สร้างขึ้นจากการสังเคราะห์แสง เรียกว่า โฟลเอม (Phloem) ท่อลำเลียงทั้งสองจะนำน้ำและอาหารกระจายไปทุกส่วนของพืช เพื่อการเจริญเติบโต
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช)
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช)
นักเรียนได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช) ที่ตึกลูกเต๋าและพิพิธภัณฑ์พระรามเก้านักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการกำเนิดจักรวาล (Big Bang) จุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง ทุกชีวิตบนโลกเป็นผลสืบเนื่องมาจากการระเบิดครั้งใหญ่หรือบิ๊กแบงซึ่งก่อให้เกิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลก